ความหมายของนิติกรรม
มาตรา 149 บัญญัติว่า “นิติกรรม หมายความว่า การใดๆ
อันท่ำลงโดยชอบด้วยกฎหมายและด้วยใจสมัครมุ่งโดยตรงต่อการผูกนิติสัมพันธ์ขึ้นระหว่างบุคคล
เพื่อจะก่อ เปลี่ยนแปลง โอน สงวน หรือระงับซึ่งสิทธิ” จากมาตรา 149
สามารถแยกองค์ประกอบของนิติกรรมออกได้เป็น 5 ประการ ดังนี้
1. เป็นการกระทำของบุคคลด้วยการแสดงเจตนา กล่าวคือ ต้องเกิดจากความคิด การตัดสินใจและการกระทำเพื่อแสดงให้เห็นความต้องการตามที่ตัดสินใจ โดยในขณะกระทำต้องรู้สำนึกในการกระทำ อันเป็นการก่อให้เกิดการแสดงเจตนา(declaration of intention
2. การกระทำนั้นจะต้องทำลงโดยชอบด้วยกฎหมาย หมายถึง
การกระทำที่ชอบด้วย กฎหมายอันเกี่ยวกับความสามารถในการ “มีสิทธิ”
ของผู้กระทำอันเกี่ยวกับเรื่องวัตถุประสงค์ของนิติกรรม หรือแบบของนิติกรรม
หรือการกระทำที่ชอบด้วยกฎหมายในเรื่องความสงบเรียบร้อย1. เป็นการกระทำของบุคคลด้วยการแสดงเจตนา กล่าวคือ ต้องเกิดจากความคิด การตัดสินใจและการกระทำเพื่อแสดงให้เห็นความต้องการตามที่ตัดสินใจ โดยในขณะกระทำต้องรู้สำนึกในการกระทำ อันเป็นการก่อให้เกิดการแสดงเจตนา(declaration of intention
- ต้องเป็นการกระทำที่มุ่งโดยตรงต่อการผูกนิติสัมพันธ์ขึ้นระหว่างบุคคล โดยจะต้องไม่มีเจตนาซ่อนเร้น เจตนาลวง หรือนิติกรรมอำพราง
- นิติกรรมนั้นจะต้องกระทำลงด้วยใจสมัคร กล่าวคือ จะต้องกระทำนิติกรรมไปด้วยการ ตัดสินใจของตนเองโดยไม่มีการสำคัญผิด กลฉ้อฉล หรือมีการข่มขู่
- นิติกรรมนั้นจะต้องมีความประสงค์ที่จะทำให้เกิดการเคลื่อนไหวในสิทธิ 5 ประการ คือ ก่อ เปลี่ยนแปลง โอนสงวนหรือระงับซึ่งสิทธิ กล่าวคือ
โทรศัพท์มือให้แก่นายดำ ในราคา 3,000 บาท นิติกรรมดังกล่าวจึงเป็นนิติกรรมที่ “ก่อให้เกิดสิทธิ” แก่นายแดงที่จะเรียกให้นายดำ ชำระราคา 3,000 บาท ในขณะเดียวกันนิติกรรมดังกล่าวก็ “ก่อให้เกิดสิทธิ” แก่นายดำในการที่จะเรียกให้นายแดงส่งมอบโทรศัพท์มือถือได้เช่นเดียวกัน
5.2 เปลี่ยนแปลงสิทธิ
ซึ่งในขณะทำนิติกรรมต้องมีสิทธิเกิดขึ้นแล้ว แต่ต้องการที่จะเปลี่ยนแปลง
จากสิทธิอย่างหนึ่งเป็นสิทธิอีกอย่างหนึ่ง เช่น นายแดง กู้ยืมเงินนายดำ จำนวน 200
บาท โดยตกลงว่าจะชำระกันเป็นเงินสด ต่อมาได้ตกลงแปลงหนี้กันใหม่
โดยจะชำระเป็นข้าวสาร 2 กระสอบแทน การตกลงดังกล่าวจึงเป็นการตกลงเปลี่ยนแปลงสิทธิ
5.3 โอนสิทธิ
ในการที่ผู้ไดจะโอนสิทธิให้แก่ผู้อื่นได้นั้นผู้โอนจะต้องมีสิทธิอยู่แล้วในขณะโอนสิทธินั้น
เช่น จากตัวอย่างในข้อ 2) เมื่อนายแดง มีสิทธิเรียกร้องให้นายดำ ชำระหนี้
แต่นายแดงได้โอนสิทธิที่จะได้รับชำระหนี้เงินดังกล่าวให้กับนายขาว
สิทธิของนายแดงจึงถูกโอนไปยังนายขาวแล้วตามนิติกรรมการโอนสิทธิ
5.4 สงวนสิทธิ
เป็นกรณีที่ผู้สงวนสิทธิมีสิทธินั้นอยู่แล้วเพียงแต่ต้องการที่จะให้สิทธินั้นมีความมั่นคงขึ้น
เช่น นายแดงกู้ยืมเงินนายดำ 5,000 บาท ต่อมาได้ทำสัญญารับนายขาว
มาเป็นผู้ค้ำประกันการกู้ยืมเงินของนายแดงดังกล่าว
เช่นนี้เป็นนิติกรรมสงวนสิทธิของนายดำแล้ว
5.5 ระงับสิทธิ
เป็นกรณีที่จะต้องมีสิทธิอยู่แล้วเพราะถ้ายังไม่มีสิทธิก็ไม่มีอะไรที่ต้องระงับ
เช่น การที่เจ้าหนี้ปลดหนี้ให้กับลูกหนี้ การบอกเลิกสัญญา
การบอกล้างนิติกรรมที่เป็นโมฆียะ
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น